ม่านจากผ้า ม่านที่ผลิตจากวัสดุผ้าทุกชนิด

ม่านจากผ้า ม่านที่ผลิตจากวัสดุผ้าทุกชนิด ซึ่งผ้าก็มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ดังนี้

1. ผ้าธรรมดา หน้าผ้าจะอยู่ที่ 120-150 cm ราคาอาจถูกหรือแพงตามคุณภาพผ้า จะโดดเด่นด้านลวดลาย และสีสันบนตัวผ้า เหมาะกับการเลือกซื้อมาตกแต่ง ห้องนั่งเล่น ด้วยความหลากหลายที่มากกว่าผ้าม่านกันแสงแบบ Dimout แต่ประโยชน์ด้านการกันแสง จะสู้ผ้าม่านแบบกันแสงโดยตรงไม่ได้ ลักษณะของเนื้อผ้าม่านที่ใช้ ทำมาจากเส้นใยผ้าธรรมชาติ เช่น ผ้า Cotton เนื้อผ้าม่านชนิดนี้ จึงมีแสงทะลุผ่านได้ค่อนข้างเยอะ

2. ผ้ากันแสง หน้าผ้าจะอยู่ที่ 150-280 หรืออาจมี 320 cm ราคาอาจถูกหรือแพงตามคุณภาพผ้า
โดยหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ

2.1. ผ้ากันแสงแบบดิมเอ้าท์( Dimout)โดยเนื้อผ้าม่านส่วนใหญ่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ (Polyester) ปัจจุบันด้วยลักษณะการทอผ้าม่านกันแสงแบบพิเศษที่มีเส้นด้ายสีดำ ทำให้ผ้าม่านกันแสงแบบ Dimout สามารถช่วยกันแสงที่ส่องเข้ามาในห้องได้มากถึง 80-95% (สีของผ้าม่านและความหนาแน่นในการท่อจะมีผลต่อปริมาณแสงที่ส่องผ่านเข้ามาในห้องโดยตรง)

        ทั้งนี้ในปัจจุบันสีของผ้าม่านชนิดนี้จะมีให้เลือกมากมายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีพื้น ลวดลายและลูกเล่นต่างๆอาทิ ผ้าเงา กึ่งเงา และแบบด้าน

2.2 ผ้ากันแสง แบบแบล็คเอ้าท์ (Blackout )ลักษณะของเนื้อผ้ากันแสงชนิดนี้ จะสามารถบล็อกแสงสูงสุด 100% ทำให้ห้องมืดสนิทแม้ในเวลาวัน ซึ่งเหมาะกับการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี โดยผ้าม่านกันแสงแบบ Blackout นี้จะมีหลายรูปแบบ ดังนี้

2.2.1. ผ้า blackout ชนิดเคลือบโฟม เป็นผ้าที่มีการเคลือบด้านหลังผ้าด้วยโฟม ช่วยกันแสงได้ดี และช่วยซับเสียงได้เล็กน้อย ถือเป็นผ้าม่าน blackout รุ่นแรกๆ ที่มีการผลิตขึ้น ทั้งนี้หากโดยแดดจัดเป็นระยะเวลานานอาจทำให้โฟมด้านหลังหลุดร่อนเป็นขุยได้ และผ้า blackout ชนิดเคลือบโฟมจะไม่สามารถซักได้ โดยใช้การดูดฝุ่นในการทำความสะอาด

2.2.2. ผ้า blackout ชนิดเคลือบซิลิโคน ต่อมาได้มีการพัฒนาขึ้นมาจากชนิดเคลือบโฟม จะเป็นการเคลือบบริเวณด้านหลังผ้าด้วยซิลิโคน ซึ่งจะทำให้ผ้ามีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ทิ้งตัว ขึ้นลอนได้ดีกว่าชนิดเคลือบโฟมแต่ไม่สวยเท่าผ้าม่านแบบ Dim Out โดยผ้าม่าน blackout ชนิดเคลือบซิลิโคนนี้จะไม่หลุดร่อนเป็นขุย และสามารถซักทำความสะอาดได้

2.2.3. ผ้า blackout ชนิดเคลือบผ้า ซึ่งจะเป็นการเคลือบด้วยผ้าลักษณะพิเศษที่สามารถกันแสงแดดได้ 100% บริเวณด้านหลังผ้า ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน เนื่องจากให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่าการเคลือบแบบโฟมและซิลิโคน ดูแลง่าย ขึ้นลอนสวยแต่ยังคงไม่เท่า ผ้าแบบ Dim Out และสามารถซักทำความสะอาดได้

3. ผ้าโปร่ง (Sheer Fabric) หน้าผ้าจะอยู่ที่ 150-280 หรืออาจมี 320 cm ราคาอาจถูกหรือแพงตามคุณภาพผ้า ลักษณะของเนื้อผ้าโปร่งที่ใช้ จะเป็นผ้าใยสังเคราะห์ เช่น Polyester เนื้อของผ้าโปร่ง เป็นผ้าเนื้อบาง ช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวจากภายนอก แต่ยังคงเห็นทิวทัศน์จากนอกหน้าต่างได้อย่างไม่อึดอัด ผ้าโปร่งยังช่วยเพิ่มความสวยงาม และทำให้บรรยากาศแสงภายในห้องดูนุ่มนวล สบายตา

4. ผ้าฉาบปรอทกันแสงกันรังสี UV หรือ ผ้าแบล็คเอาท์ หรือ แบล็คไลท์ ( Black out lining กัน UV) หน้าผ้าจะอยู่ที่140-150 cm ราคาอาจถูกหรือแพงตามคุณภาพผ้า กันแสงได้ดีที่สุด และกันรังสีจากแสงแดด ผ้าจะมีสีตะกั่ว1ด้านกรือ2ด้าน บางหรือหนา ตามความต้องการลูกค้า ราคาจะแตกต่างกันไป จะนำมาเย็บติดด้านหลังผ้าม่านอีกทีหนึ่งเพื่อเพิ่มความกันแสงให้ถึง 100% หรือมืดตึบไปเลย